ศิษย์ย่อมมีครู..
เรียนรู้สิ่งใดย่อมได้ผล..
*คนเราส่วนมากมีความเข้าใจคำว่า"ศิษย์มีครู.."
คนใดที่อ้างตนว่าเรียนรู้วิชาหนึ่งวิชาใดได้..
โดยปราศจากครูบาอาจารย์นั้น..
ย่อมถือได้ว่าบุคคลนั้นยัง "ไม่มีครู.."
เป็นผู้ฝึกอบรมสั่งสอน
แม้จะอ้างว่าเรียนรู้มาแบบครูพัก ลักจำ
วิธีการเช่นนี้บอกได้ว่า
เรารู้สิ่งใดรู้ได้...แต่ยังรู้ไม่จริง
และ มักทำไม่ค่อยได้ดีเท่าที่ควรจะเป็น..
อย่างคนที่รู้อย่างแท้จริง ถึงอย่างไรก็ตาม
"ศิษย์ที่มีครู..."ย่อมดีกว่าศิษย์ที่ไม่มีครูแน่นอน...
เพราะว่าศิษย์มีครูย่อมมีแหล่งที่ปรึกษาที่ใว้วางใจได้..
*มีแหล่งวิชาที่ค้นหาความลับ และ เคล็ดลับได้..
*มีผู้ที่เชื่อถือจะสอบถามได้
ส่วนบุคคลที่ไม่มีครู
เมื่อมีปัญหาติดขัดขึ้นมา ก็ไม่รู้จะไปถามกับใคร
ทำให้ไม่สามรถรู้วิชานั้นๆ ได้อย่างถ่องแท้ชัดเจน..
*เรียนสิ่งใด ไม่มีครู ยากรู้ได้
แม้อ่านไป ทำไป ย่อมไร้ผล
ทำถูกบ้าง ผิดบ้าง มั่นในตน
สุดท้ายจน ปัญญา คิดหาครู
*เรียนสิ่งใด ควรต้องมี ครูคอยช่วย
ครูอยู่ด้วย ช่วยชี้นำ ตามวิถี
ครูช่วยสอน ช่วยแนะนำ ตามวิธี
ครูที่ดี มีแต่ให้ ศิษย์จำเริญ
*ลูกศิษย์ดี ย่อมต้องมี กตัญญู
มุ่งเรียนรู้ มุ่งทำตาม คำสั่งสอน
หากสงสัย ต้องไต่ถาม ตามขั้นตอน
เชื่อคำสอน ตามคำสั่ง หวังทำเป็น.
--------------------------------
(ข้อคิดที่ควรแก่การใคร่ครวญพิจารณา...)
*ชีวิตก็เหมือนกับการที่เราขึ้นบนภูเขา...
ตอนขึ้นๆได้ช้า..
แต่ตอนลงๆได้รวดเร็วมาก...
*เช่นเดียวกันกับวัยของคนเราตอนเกิดมา
กว่าจะโตเป็นหนุ่ม-สาว และเป็นผู้ใหญ่..
ดูมันช่างช้านานเสียเหลือเกิน
แต่พอเลยวัยกลางคนหน่อย
ดูเหมือนว่ามันจะเร่งวันเร่งคืน
ให้ถึงเส้นชัยเข้าสู่วัยชราอย่างรวดเร็ว...
บางคนที่มัวเพลิดเพลินกับชีวิตในวัยหนุ่มสาว
ส่วนใหญ่ มักจะพบกับความเสียใจในวัยชรา
ซึ่งกำลังร่วงโรยอย่างรวดเร็ว และจะเสียใจ
เมื่อไม่ได้สร้างสิ่งที่มีคุณค่าอันใดให้กับชีวิตเลย...
และเมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างก็จะสายเกินไปแล้วครับ...
***ชีวิตที่จะประสพความสำเร็จได้นั้น
ต้องกำหนดเป้าหมายของชีวิตให้แน่นอนมั่นคง
ดุจดังหลักศิลาที่ฝังลึกแน่นไม่คลอนแคลนไหวเอน
แม้จะต้องลมพายุที่พัดแรงเพียงใดก็ตาม
ไม่สามารถทำให้สั่นคลอนและโค่นล้มลงได้เลย....
***ไม่ว่าเป้าหมายที่ตั้งใว้นั้นจะเป็น..
การเรียนการศึกษา, ธุรกิจการงาน, การเงิน,
ความรัก, ความสำพันธ์, สุขภาพ,
พลังจิตและพลังกาย,โดยหวังที่จะให้ได้
ถึงซึ่งความสำเร็จให้ได้..
*พึงปฎิบัติดังนี้...*
1. ต้องรักชีวิตและสุขภาพของตนเอง
เหนือสิ่งอื่นใด อย่างแท้จริง...
2. ต้องระวังการกิน การนอน
การออกกำลังกาย และพักผ่อน
อย่างเหมาะสม..
3. ต้องฝึกจิตของตนให้เชื่องจนสามารถ
ควบคุม ความคิด ความรู้สึกและอารมณ์
ทางด้านลบ อันที่จะก่อให้เกิดผลกระทบ
ในทางเสื่อมเสียแก่ตนเองและผู้อื่น
4. ต้องหมั่นสร้างจินตนาการเพื่อความสำเร็จ
ตามเป้าหมายที่ตั้งใว้ให้ได้ทุกๆวัน
+ใส่ความเชื่อมั่นลงไป..
5.ต้องมีความขยันหมั่นเพียร อดทน
โดยไม่พลัดวันประกันพรุ่ง...
6.ต้องปฎิบัติกิจทางศาสนาที่ตนเชื่อ
เคารพนับถือ อย่างสม่ำเสมอ..
7.ต้องสุภาพอ่อนตน ไม่คิด ไม่พูดและทำ
เป็นการ ดูถูกหรืออิจฉาส่อเสียดผู้ใด
8.ต้องให้ความร่วมมือ และ สนับสนุนคนดี
เมื่อมีโอกาสที่จะพึงกระทำใด้
9.ต้องมีความยุติธรรม รักความถูกต้อง
ไม่เอาเปรียบผู้ใด มีความจริงใจเสมอ..
10.ต้องแสวงหาความรู้ใหม่อยู่เสมอ..
เพื่อเสริมความสามารถในการทำงาน
เพื่อสร้างศักดิ์ศรีให้แก่ตนเอง เพื่อครอบครัว สังคม ประเทศชาติและมวลมนุษย์ทั่วไป..
*จงอย่ามีชีวิต ดังเช่นจอกแหนที่ล่องลอย
ไปตามกระแสชล อย่างไร้จุดหมาย
*ชีวิตเหมือนกับการแสดงละคร
แม้บทบาทบางตอนมันแสนหนัก
เราก็ต้องอดทน แม้บางครั้ง ต้องร้องให้
ทนทุกข์ทรมาน สักวันหนึ่งบทบาทของมัน
ก็ต้องจบ..และปิดฉากลง
***ในขณะที่อยู่ในยามหัวเราะร่าเริง
อย่าเหลิงจนลืมตัว...
***ตะวันยังมีวันตกฉันใด..
-ชีวิตย่อมมีวันดับฉันนั้น
จึงไม่ควรปล่อยเวลาให้สูญเสียไป..
***น้ำตาตก เหน็ดเหนื่อยยากลำบาก
ในวัยเด็ก และ หนุ่มสาวนั้นไม่เป็นไร..
**"แต่อย่าน้ำตาตกในตอนแก่ ชรา..
เพราะความประมาท ลืมตัว
เมื่อนั้นจะสายเกินไป...